มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่ผู้หญิงไทยกลัวกันมากที่สุด เพราะเป็นโรคที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย พบประมาณ 22,800 รายต่อปี มักพบในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่สามารถพบได้ในทุกวัย
ไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม, พันธุกรรม, ภาวะมีบุตรยาก, ไม่เคยให้นมบุตร, ภาวะอ้วน, การดื่มเหล้า/สูบบุหรี่
ก้อนแข็ง ไม่เจ็บ ขอบไม่ชัด,ขรุขระ หรือ คลำแล้วไม่ขยับตามมือ (ติดแน่นกับเนื้อเยื่อ)
ก้อนโตเร็วภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
มีผิวหนังบริเวณก้อนบุ๋มหรือย่นเหมือนเปลือกส้ม
หัวนมบอด หรือมีของเหลวผิดปกติออกจากหัวนม (โดยเฉพาะเลือด)
มีแผลเรื้อรังบริเวณเต้านมที่ไม่หาย
มีก้อนที่รักแร้ ร่วมกับก้อนที่เต้านม
1. การตรวจร่างกายโดยแพทย์ (Clinical Examination)
ขั้นตอนแรก คือ การตรวจเต้านมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะคลำหาก้อนเนื้อ ดูขนาด รูปร่าง พื้นผิว ความเคลื่อนไหวของก้อน และสังเกตอาการอื่น ๆ เช่น ผิวหนังบุ๋ม หัวนมผิดรูป หรือมีน้ำผิดปกติไหลออกจากหัวนม หากพบสิ่งที่น่าสงสัย ก็จะพิจารณาตรวจเพิ่มเติม
ส่วนนี้มักใช้ แมมโมแกรม (Mammogram) หรือ อัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เพื่อตรวจดูโครงสร้างภายในเต้านม แมมโมแกรมเหมาะกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ส่วนอัลตราซาวนด์นิยมใช้ในคนที่อายุน้อยหรือผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนา หากผลการตรวจพบก้อนที่มีลักษณะผิดปกติ อาจต้องทำ MRI เพิ่มเติมเพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น
ถ้าพบก้อนที่น่าสงสัย แพทย์อาจทำ การเจาะตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อยืนยันว่าก้อนนั้นเป็นเนื้องอกธรรมดาหรือมะเร็ง โดยการนำเซลล์หรือเนื้อเยื่อจากก้อนออกมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้เป็นการยืนยันที่แน่นอนที่สุดว่าก้อนนั้นเป็นมะเร็งหรือไม่ และยังช่วยบอกถึงชนิดของมะเร็งเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
โดยทั่วไป การอัลตราซาวด์เต้านม มีความแม่นยำในการวินิจฉัยมะเร็งเต้านมในระยะแรกอยู่ที่ประมาณ 80-90% โดยสามารถตรวจพบก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งได้ประมาณ 80-90% และสามารถแยกแยะระหว่างก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งและก้อนเนื้อที่ไม่เป็นมะเร็งได้ประมาณ 70-80%
มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงไทย หลายคนกังวลเมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม แต่รู้หรือไม่ว่า มะเร็งเต้านมในปัจจุบันมีวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง มีโอกาสหายขาดได้มาก วิธีรักษามะเร็งเต้านม มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง สุขภาพของผู้ป่วย และความต้องการของผู้ป่วย แพทย์จะพิจารณาวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด
"ตรวจเร็ว รักษาเร็ว โอกาสหายก็สูงขึ้น"
หากท่านไปที่โรงพยาบาล กว่าท่านจะได้ตรวจร่างกาย,นัดทำแมมโมแกรม/อัลตราซาวด์ และเจาะชิ้นเนื้อ แต่ละขั้นตอนอาจใช้เวลารอคอยเป็นเดือน แต่ถ้าหากท่านอยากจะ ตรวจ-อัลตราซาวด์-เจาะชิ้นเนื้อในวันเดียว แนะนำให้มาที่คลินิกหมอเมธัสเลยครับ สะดวก รวดเร็ว ทีเดียวจบ
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือต้องการคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กรุณาติดต่อคลินิกของเราได้ที่
คลินิกหมอเมธัส โทร : 082-656-3726 facebook : คลินิกหมอเมธัส สงขลา